ระบบ การเดินเงินแบบทบ หรือ Martingale Strategy เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การบริหารเงินที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในการเดิมพัน ซึ่งมีทั้งข้อดีที่เย้ายวนและข้อเสียที่อันตรายมาก ๆ ครับ
ส่วนมากแล้วมักจะใช้กันในเกมคาสิโนที่มีอัตราจ่ายคงที่ที่ 1 ต่อ 1 หรือ 1 ต่อ 0.95 แต่สำหรับการแทงบอลที่มีอัตราจ่ายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดนั้นอาจจะใช้ได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ครับ
หลักการทำงานของระบบ Martingale
ระบบ Martingale (แทงทบ) คือการที่จะ เพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่า ในทุกครั้งที่ แพ้ โดยมีเป้าหมายคือเมื่อชนะในที่สุด จะได้เงินที่เสียไปทั้งหมดกลับคืนมา พร้อมกับกำไรเท่ากับเงินเดิมพันเริ่มต้น 1 หน่วย
ตัวอย่าง:
- ไม้ 1: ลง 100 บาท (แพ้)
- ไม้ 2: ลง 200 บาท (แพ้)
- ไม้ 3: ลง 400 บาท (แพ้)
- ไม้ 4: ลง 800 บาท (ชนะ)
สรุป
- รวมเงินที่เสียไป: 100+200+400=700 บาท
- เงินที่ได้กลับมา: 800 บาท (สมมติอัตราจ่าย 2.00)
- กำไรสุทธิ: 800−700−800 (ทุนไม้ 4) =100 บาท (เท่ากับเงินเดิมพันเริ่มต้น)
แต่ถ้าค่าน้ำของบอลแต่ละคู่ไม่เท่ากันก็อาจจะได้กำไรที่น้อยกว่า หรือ มากกว่านี้ครับ ซึ่งถ้าค่าน้ำน้อยมากๆที่ 0.60 ลงไป บางครั้งถึงจะชนะก็อาจจะยังขาดทุนได้ครับ
ความเสี่ยงของระบบการเดินเงินแบบทบ
นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้นักเดิมพันมืออาชีพส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงระบบ Martingale:
1.ความเสี่ยงทางการเงินที่รุนแรง (Bankroll Crash)
เงินเดิมพันจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณและรวดเร็วมาก เช่น หากแพ้ติดต่อกัน 8 ครั้ง เงินเดิมพันในไม้ที่ 9 จะสูงถึง 25,600 บาท (หากเริ่มที่ 100 บาท) และหากแพ้ครั้งที่ 9 ต้องลง 51,200 บาท ในไม้ที่ 10!
- เงินทุนที่ต้องเตรียม: เพื่อทนต่อการแพ้ติดต่อกันเพียง 7−8 ครั้ง ต้องมีเงินทุนเริ่มต้นที่สูงมาก ซึ่งโอกาสแพ้ 7−8 ครั้งติดต่อกันในการแทงบอลนั้น เกิดขึ้นได้จริง โดยเฉพาะหากไม่มีการวิเคราะห์ที่ดี
2.ข้อจำกัดของเว็บไซต์ (Betting Limits)
เว็บไซต์พนันส่วนใหญ่จะมี วงเงินเดิมพันสูงสุด (Max Bet Limit) กำหนดไว้ต่อคู่หรือต่อเกม เมื่อแพ้ติดต่อกันหลายครั้งและต้องลงเงินในไม้ทบที่สูงมาก อาจชนกับลิมิตของเว็บ ทำให้ไม่สามารถลงเงินตามสูตรเพื่อเอากำไรกลับคืนมาได้ และส่งผลให้ ขาดทุนมหาศาล จากไม้ก่อนหน้าทั้งหมด
3.ผลตอบแทนต่ำเมื่อเทียบกับความเสี่ยง
กำไรที่ได้จากการชนะในไม้ทบใด ๆ จะมีมูลค่าเพียงแค่ เงินเดิมพันเริ่มต้น 1 หน่วยเท่านั้น (เช่น 100 บาท) ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับเงินทุนมหาศาลที่ต้องเสี่ยงลงไปในไม้สุดท้ายเพื่อรักษาสูตร
4.บอลไม่ได้เป็น 50/50 เสมอไป
Martingale ทำงานได้ “สมบูรณ์แบบที่สุด” ในเกมที่มีโอกาส 50/50 เช่น โยนหัวก้อย แต่ในการแทงบอล แม้จะเลือกเล่นราคา อัตราต่อรอง (Handicap) ที่ใกล้เคียง 50/50 แต่ในความเป็นจริงอัตราต่อรองของเจ้ามือ (Odds) จะต่ำกว่า 2.00 เสมอ (มีค่าน้ำหรือ House Edge) ทำให้ต้องลงเงินเพิ่มขึ้นอีกเพื่อทำกำไร 1 หน่วย ดังนั้น Martingale ในการแทงบอลจึงยิ่งเสี่ยงและไม่คุ้มค่ากว่าในเกมคาสิโนบางประเภท
ข้อดีของระบบนี้
1.การันตีผลกำไรเล็กน้อยเมื่อชนะ (ทางคณิตศาสตร์): ตราบใดที่มีเงินทุน (Bankroll) ไม่จำกัด และไม่มีการกำหนดลิมิตการแทง (Betting Limit) จะสามารถทำกำไรได้เสมอเมื่อชนะในที่สุด
2.คืนทุนเร็ว: จะคืนเงินที่เสียไปทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วในไม้ที่ชนะ ซึ่งช่วยลดความเครียดจากการขาดทุนได้เป็นอย่างดี
3.ความรู้สึกควบคุมได้: ให้ความรู้สึกว่าการเดิมพันแต่ละครั้งเป็นการ “ซื้อโอกาส” ที่จะกลับมาทำกำไรในที่สุด
ความเสี่ยงที่ต้องรับให้ได้หากจะใช้กับการแทงบอล
- ค่าน้ำที่ไม่เท่ากัน การลงเงินเยอะขึ้นไปเรื่อยๆอาจจะไม่ได้การันตีกำไรที่ได้คืนมาแบบเท่าตัว
- เสี่ยงที่การลงเงินเยอะจะถูกบิดเงินจากทางหลังบ้านของเว็บเอเย่นต์
ความเสี่ยงข้อ 2 สามารถแก้ไขด้วย : การเลือกเล่นกับเว็บแทงบอลถูกกฎหมายมีใบอนุญาต
แนะนำที่ KUBET ครับ
- มีใบอนุญาตจาก PAGCOR และ UKGC
- มีภาษาไทย
- เปิดให้บริการมานานกว่า 20 ปี
- เป็นสปอนเซอร์ทีมโอซาซูน่า และ เซลต้าบีโก้
- มีระบบขายบิล และ ตัดบิลอัตโนมิตไม่ต้องรอหมดเวลา
- ดูบอลฟรีทุกคู่ ทุกลีก ไม่ว่าจะลีกใหญ่ หรือ เล็ก
สรุป
การใช้ระบบเดินเงินแบบทบในการแทงบอลสามารถทำได้ แต่อาจจะมีความแตกต่างกันในด้านของกำไร และอัตราจ่ายที่ไม่เหมือนกันเกมคาสิโนที่มีการจ่ายคงที่
บางครั้งถ้าเล่นเอาชัวร์ และ ได้ค่าน้ำน้อยถึงจะทบไปตามสูตรการเดินเงินก็อาจจะจบที่ขาดทุนไม่ใช่กำไรก็ได้ และถ้าค่าน้ำน้อยไม่เท่ากันกับไม้แรกที่ลงเดิมพัน หรือไม้อื่นๆ ก็จะทำให้กำไรไม่ได้เป็นเท่าตัวเหมือนที่คิดไว้
สำหรับใครที่รับตรงนี้ได้ก็สามารถนำสูตรเดินเงินแบบทบไปใช้ได้
Comments are closed